เทคนิคที่จะทำให้เด็กได้ "ค้นหาตัวเอง" มากกว่าที่เคย

คุณเป็นคุณครูแบบนี้ใช่ไหม
– อยากสอนศิษย์ให้ดีขึ้น สนุกขึ้น
– อยากสร้าง หลักสูตร Competency based curriculum เพื่อเด็กๆ รายบุคคล
– อยากสร้างห้องเรียนที่สนุก ไม่มีน่าเบื่ออีกต่อไป
– อยากให้เด็กๆ สนุกที่จะเรียนรู้ กระหายที่จะเรียนรู้แบบ Active Learning

.

คุณต้องเป็น ครูฟา ที่มี “ความเข้าใจ” ก่อนเป็นอันดับแรก
– เข้าใจว่าเด็กแต่ละคนถนัดแบบไหน เก่งแบบไหน
– เข้าใจวิธีการ ค้นหาตัวเอง และถ่ายทอดให้เด็กๆ เข้าใจความถนัดของตัวเอง
– เข้าใจว่าเด็กพูด เด็กทำ เขาจะสื่อถึงอะไร
– เข้าใจธรรมชาติของวัย และพัฒนาการต่างๆ
– เข้าใจความต้องการในการเรียนรู้ของเขา
– เข้าใจวิธีการสอนและกิจกรรมที่เหมาะสม
– เข้าใจในสิ่งที่เด็กต้องการจริงๆ

.

สิ่งที่ครูยุคใหม่ต้องปรับตัวจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็ว ก็ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า บทบาทของคุณครู มันก็ไม่เหมือนเดิม ครูฟา เป็นหนึ่งในแนวทางที่คุณครูจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการสอน และการเข้าถึงเด็กๆ ในยุคปัจจุบันนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมให้เด็กๆ เติบโตได้อย่างแข็งแรง และมีความสุขในยุคศตวรรษที่ 21

.

คำว่า ครูฟา หมายถึงว่า จะไม่ได้เป็นเพียง “ครู” ผู้ให้ความรู้ แต่จะเป็น “ฟา” (Facilitator) ผู้อำนวยการให้เกิดการเรียนรู้ไปด้วย สิ่งสำคัญที่ ครูฟา ต้องมีก็คือ
1. เปิดโอกาสให้เด็กๆแสดงความคิด และมองหาจังหวะสอดแทรกการเรียนรู้ไปในประสบการณ์ของเด็กๆ
2. เปิดโลกอันกว้างใหญ่ในการเข้าถึงข้อมูลของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้นคว้าจากอินเตอร์เนท หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ
3. เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็กๆ และจำเป็นต้องปล่อยให้เด็กๆพลาด เพื่อการเรียนรู้ เพราะการพลาดคือส่วนหนึ่งของการประสบความสำเร็จในการเรียน

.

การเป็น ครูฟา เป็นความท้าทายนึงที่เกิดขึ้นกับครูทุกคน แต่ผลลัพธ์ที่จะเกิด คือเด็กๆ จะได้เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ และในตอนท้ายเด็กๆ ก็จะกลายเป็น “นักเรียนรู้ตลอดชีวิต” ซึ่งนั่นจะทำให้ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน เด็กๆ เหล่านั้นก็จะอยู่รอดอย่างแข็งแรง ปลอดภัย และมีความสุขได้เพราะเค้าเข้าใจตัวเองนั้นเอง

.

ดังนั้น เมื่อครูเข้าใจเด็กได้ ก็จะเข้าถึงพวกเขา และก็จะสามารถพัฒนาพวกเขาได้ด้วยเช่นกัน 

.

“ความเข้าใจ” จึงเป็นสิ่งสำคัญหลักที่ครูต้องมี เพื่อสร้าง หลักสูตร Competency based curriculum สำหรับเด็กรายบุคคล เพื่อเป็น “ครูฟา” และ “ครูโค้ช” ให้เด็กๆ กล้าที่จะเรียนรู้ เพราะเด็กทุกคนมีการเรียนรู้ที่ไม่เท่ากัน และมีวิธีการเรียนรู้ที่ไม่เหมือนกัน

.

“เด็กหัวช้า ไม่ใช่เด็กโง่”

แต่ต้องถามครูว่า รู้หรือเปล่าว่า เด็กแต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้ ต่างกันอย่างไร? แล้ววิธีการ และกระบวนการสอนของครูครอบคลุมเด็กในทุกวิธีการเรียนรู้ไหม ซึ่งเด็กมีการเรียนรู้หลักๆ 4 วิธี ดังนี้

1. Visual Learner
เด็กที่เรียนรู้ด้วยภาพ มองสื่อที่เคลื่อนไหว

2. Auditory Learner
เด็กที่เรียนรู้ด้วยการฟัง และพูดคุย

3. Kinesthetic Learner
เด็กที่เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ 

4. Sympathetic Learner 
เด็กที่เรียนรู้ผ่านการเข้าใจ การวิเคราะห์

.

ถ้าหากครูไม่ได้ออกแบบการเรียนรู้ในห้องเรียนให้ครบทั้ง 4 แบบ ก็มีโอกาสสูง ที่จะทำให้เด็กบางกลุ่ม เรียนไม่รู้เรื่อง ซึ่งครูที่ไม่เข้าใจการเรียนรู้ของเด็กมีโอกาสสูงมาก ที่จะออกแบบการเรียนรู้ในห้องเรียนในแบบที่ตัวเองถนัด อาจจะทำให้เด็กอีก 3 กลุ่ม เรียนไม่รู้เรื่อง ดังนั้น ก่อนที่จะไปถามว่า ทำไมเด็กเรียนไม่ทันเพื่อน เรียนไม่รู้เรื่อง ลองกลับมาถามว่า คุณครูออกแบบการเรียนรู้เพื่อเด็กครบทุกแบบหรือยัง?

.

มาเป็น “ครูฟา” และ “ครูโค้ช” ที่มีทักษะการเป็น Facilitator และ Coach ให้กับเด็กๆ เพื่อสร้างห้องเรียนที่เหมาะสม เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ที่แท้จริงไปกับคลาส อบรมครู ของ Genius School Thailand
https://geniusschoolthailand.com/genius-facilitator/

.

บทความโดย

พัสชนันท์ คงวณิชกิจเจริญ