
5 วิธีการรับมือถ้าลูกมีอารมณ์รุนแรง
.
เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิด
สิ่งที่ทำได้คือการ “รอ” ให้ภูเขาไฟสงบลง
เมื่อภูเขาไฟที่มีลาวาไหลลงมาด้วย
ความร้อนที่สูงปรี๊ด ยังไงเราก็ไม่สามารถ
ดับได้ด้วยน้ำ เพื่อทำให้ภูเขาไฟสงบลง
ในทันที แต่สิ่งที่ทำได้คือการรอ และรอ
จนภูเขาไฟสงบ เราจึงจะสามารถเข้าพื้นที่
นั้นได้ อารมณ์โกรธของลูกก็เช่นกัน
.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กในวัย 2-6 ขวบ
จะมีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ
ยิ่งในเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจก็จะมักแสดงพฤติกรรม
.
● แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราด หงุดหงิด
● ร้องไห้ เสียใจ
● กรีดร้อง เสียงดังโวยวาย
● ลงไปนอนดิ้นกับพื้น
● ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่น
● แสดงกิริยาต่างๆ ที่ไม่สุภาพ
.
พฤติกรรมที่ไม่น่ารักในเด็กเล็ก
เป็นพฤติกรรมตามช่วงวัยเพราะเป็น
ช่วงวัยที่เด็กกำลังพัฒนาทั้งอารมณ์ และสังคม
.
ถ้าลูกแสดงพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ
ในรูปแบบต่างๆนอกสถานที่
และระเบิดอารมณ์ต่อหน้าคนอื่น
.
สิ่งที่แรกที่ควรทำคือ คุณพ่อคุณแม่ควร
สูดลมหายใจให้ลึกที่สุด เพื่อสงบสติอารมณ์
ของตัวเองก่อน ไม่ต้องกลัวอับอายขายหน้า
เพราะเด็กในวัยนี้ เป็นวัยแห่งการต่อต้าน
เป็นวัยแห่งการทดสอบความรักของพ่อแม่
ที่มีให้พวกเขาว่ามั่นคงหรือไม่
เรื่องดื้อจึงถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติในเด็กวัยนี้
และที่สำคัญไปกว่านั้นจงเข้าใจลูกเพราะ……
ในช่วงวัยนี้สมองส่วนอารมณ์กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่สมองส่วนเหตุผลยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่
.
วิธีการรับมือเมื่อลูกระเบิดอารมณ์
1. ดับไฟในตัวเราก่อนดับไฟในตัวลูก
กคุณพ่อ คุณแม่ควรสูดลมหายใจลึกๆ
กเพื่อจัดการกับอารมณ์ของตัวเองก่อน
กเพื่อที่จะได้ไม่เผลอใช้อารมณ์ ไม่ใช้คำพูด
กและการกระทำที่รุนแรง เพียงเพื่อต้องการ
กจะหยุดพฤติกรรม หรือต้องการเอาชนะ
กอารมณ์ที่กำลังเกรี้ยวกราดของลูก
กเพราะพ่อแม่เป็นตัวอย่างสำคัญของการ
กแสดงพฤติกรรมนั้นๆ ต่อหน้าลูก
กโดยที่ยังไม่ต้องสอนอะไรเลย
.
2. เด็กปิดการฟังอย่าเพิ่งขยันสอน
เมื่อลูกกำลังมีอารมณ์โมโห เกรี้ยวกราด
เมื่อนั้นสมองส่วนอารมณ์จะทำงานทันที
และเด็กจะปิดการฟังในเรื่องของเหตุผล
อย่าเพิ่งรีบสอนลูกตอนนี้
เพราะยิ่งพยายามพูด หรืออธิบาย
อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง
.
3. พ่อแม่อยู่ตรงนี้ ไม่ได้ทิ้งไปไหน
ไม่ควรทิ้งลูกให้อยู่คนเดียว ในช่วงที่กำลัง
รอลูกสงบจิตสงบใจ พ่อแม่ควรจะอยู่ใน
สายตาลูก และค่อยๆบอกกับลูกว่า
พ่อแม่จะคอยตรงนี้ เพื่อให้ลูกได้ใช้เวลา
อยู่กับตัวเองก่อน จากนั้นจะกอดลูก
หรือจะนั่งอยู่เงียบๆโดยที่ยังไม่ต้องพูดอะไรเลยก็ได้
เพื่ออยู่เป็นเพื่อนลูก และรอเพื่อสงบอารมณ์ไปพร้อมๆกัน
.
4. สอนให้เรียนรู้ชื่อของอารมณ์ต่างๆ
เมื่อลูกอารมณ์ค่อยๆสงบลง สอนลูกรู้จักกับอารมณ์
หรือพฤติกรรมที่ลูกแสดงออกมา มีชื่อเรียกอย่างไร
เช่น ที่ลูกร้องไห้ เป็นเพราะลูกรู้สึกเสียใจ หรือ
ที่ลูกร้องกรี๊ดโวยวาย เรียกว่า ระเบิดอารมณ์
ครั้งต่อไปเมื่อมีการสอนลูกให้คุณพ่อคุณแม่เรียกชื่อ
ของอารมณ์นั้นๆเพื่อสื่อสารกับลูก เพราะเด็กวัยนี้
ยังไม่เข้าใจ และยังไม่รู้จักอารมณ์ที่แสดงออกมา
จึงไม่รู้วิธีการจัดการอารมณ์ตนเอง
จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ที่จะต้องค่อยๆพาลูก
ไปทำความรู้จักกับอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับลูก
.
5. จังหวะของการสอนมาถึงแล้ว
เมื่อคุณพ่อ คุณแม่สามารถรอจนกระทั่ง…
ไฟในใจลูกสงบลงแล้ว ให้คุณพ่อคุณแม่
ค่อยๆถามลูกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
เหตุการณ์เมื่อสักครู่ลูกรู้สึกอย่างไร?
พร้อมทั้งใช้เหตุผลที่พ่อแม่เตรียมไว้
สามารถสอนได้เลยในช่วงเวลานี้
และอย่าลืมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
พร้อมทั้งให้วิธีการแก้ปัญหาในครั้งต่อไป
.
สาเหตุที่ต้องสอนให้เด็กๆได้ค่อยๆฝึกการใช้เหตุผล
จากพ่อแม่ ไปจนถึงครูที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเด็กๆ
ต้องค่อยๆฝึกฝนให้เด็กๆได้ใช้ EF (สมองส่วนหน้า)
หรือเรียกอีกอย่างว่า “ทักษะสมองเพื่อจัดการชีวิต”
เป็นเพราะว่า เมื่อใดก็ตามที่สมองส่วนเหตุผล
ถูกฝึกฝนให้แข็งแรงพอ เมื่อนั้นลูกก็จะสามารถ
ใช้เหตุผลในการควบคุมสมองส่วนอารมณ์
ให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสมได้เอง
.
การฝึกฝน การอบรม และสั่งสอน รวมไปถึงการใส่ใจ
การให้ความรักความอบอุ่น การสร้างความผูกพัน
กับลูกตั้งแต่ยังเล็กอย่างสม่ำเสมอ เป็นการปูพื้นฐาน
ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเด็ก ซึ่งพ่อแม่ต้องใช้ความเข้าใจ
และความอดทนที่จะสอนซ้ำๆ
.
“เหมือนการหยอดกระปุกทุกๆวัน
ที่ยังไม่เห็นผลในทันตา แต่รับรองว่าได้ผลดี
สมกับที่รอคอยแน่นอน!”
.