
### How To เลี้ยงลูกเองได้
ด้วยศาสตร์การสอนในศตวรรษที่ 21 ###
.
“ยุคศตวรรษที่ 21”
“ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง”
“ยุคของปัญญาประดิษฐ์”
“ยุคที่โลกถูก Disrupt ครั้งยิ่งใหญ่”
.
ศตวรรษที่ 21 เป็นโลกยุคเทคโนโลยี
นวัตกรรม เครื่องจักร หุ่นยนต์ และ AI
จะถูกนำมาใช้งาน อยู่ควบคู่กับมนุษย์
เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันในอนาคต
.
นั่นแปลว่า ลูกของพวกเราที่เกิดในยุคนี้
ต้องอยู่กับสิ่งเหล่านี้ โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
.
ดังนั้น พ่อแม่ที่มีทักษะรองรับต่อโลกในยุคนี้
จะเป็น Mentor ที่คอยแนะนำแนวทางให้ลูก
เติมทักษะที่เทคโนโลยีทำแทนมนุษย์ไม่ได้
.
เช่น ทักษะคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม
ทักษะการสื่อสาร ทักษะการเข้าสังคม
การวิเคราะห์บริบท ทักษะด้านจริยธรรม
ทักษะด้านความรู้สึกและอารมณ์ เป็นต้น
.
เพื่อให้มีทักษะเหนือ AI ไม่เป็นทาสหุ่นยนต์
พ่อแม่จะมีวิธีเลี้ยงลูกอย่างไรให้เหมาะสม
เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน
.
1. เลี้ยงลูกให้มี EF
.
Executive Function (EF) คือ
ความสามารถระดับสูงของสมอง
ที่ใช้ในการควบคุมความคิด อารมณ์
และการกระทำ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมาย
.
หากฝึกเด็กสร้าง EF ตั้งแต่เล็กๆ
จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีมี EF ดี มีแนวโน้ม
ประสบผลสำเร็จทางด้านฐานะการเงิน
มีความสามารถจัดระเบียบแบบแผนในชีวิต
วางแผนล่วงหน้า คิดแก้ไขปัญหา
และปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้
.
2. พ่อแม่คิดบวก ลูกคิดบวก
.
‘การคิดบวก’ เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน และพัฒนา
โดยปกติสมองคนเราจะคิดลบเป็นธรรมชาติ
เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ โดยสัญชาตญาณ
.
นอกจากคิดบวก ต้องพูดบวก กระทำเชิงบวก
และมีอารมณ์เชิงบวกด้วย ทุกการแสดงออก
มีดวงตาน้อยๆ จ้องมองอยู่ คอยเลียนแบบ
และซึมซับจากเราไป
.
การสอนลูกคิดบวก จะทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกัน
ต่อการกระทำเชิงลบ และรักตัวเองเป็น
.
3. สอนการจัดการเงินและเวลา
.
วินัยพื้นฐานที่สำคัญในการใช้ชีวิต คือ
“การตั้งเป้าหมาย”
“การวางแผน”
“วินัยทางการเงิน”
.
เพื่อให้ลูกเติบโตไปอย่างมีคุณภาพ
อยู่รอดได้ในทุกสังคม และทุกวิกฤต
พ่อแม่ ต้องเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน
ทำอย่างต่อเนื่อง จนเป็นตัวอย่างและ
สามารถถ่ายทอดได้
.
4. เรียนรู้ เข้าใจ และเติบโตไปพร้อมกับลูก
.
ในศตวรรษที่ 21 จะไม่มีคำว่า ต้องเชื่อผู้ใหญ่
หรือ ‘พ่อแม่อาบน้ำร้อนมาก่อน’ อีกต่อไป
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนี้ เป็นสิ่งที่ชีวิตคุณ
ก็ไม่เคยพบเจอมาก่อนแน่นอน
.
ดังนั้น คุณต้องยอมรับข้อนี้ กล้าบอกว่า ไม่รู้
แล้วเดินเคียงข้างกับลูก เรียนรู้กับลูก
.
ทักษะสำคัญที่พ่อแม่ต้องมี คือ
‘การเป็น Facilitator และ Coach’
สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้
กล้าลงมือทำ และสนุกไปพร้อมกัน
เป็นผู้ตั้งคำถามที่ดี เพื่อให้ลูกเกิด
ทักษะในการคิด สืบค้น สืบเสาะ
และเป็นเจ้าของการเรียนรู้ด้วยตนเอง
.
5. เข้าใจในตัวตนของลูก
.
เมื่อหลายอาชีพถูกแทนที่ด้วย AI
สิ่งสำคัญที่เด็กยุคนี้ต้องมีมากกว่ายุคไหนๆ
คือ ‘อัตลักษณ์ส่วนบุคคล’
เข้าใจตัวเอง กล้าที่จะเป็นตัวเอง
.
ค้นหาสิ่งที่รัก สิ่งที่ชอบ บนความถนัด
สร้างอาชีพตัวเอง ที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ยังได้
ตอนนี้เราก็เห็นอาชีพแปลกๆ ใหม่ๆ เกิดขึ้น
ในสังคมแล้ว ซึ่งอนาคตจะมีมากกว่านี้
.
คำถามน่าคิด คือ
ก่อนจะสอนลูกให้เข้าใจตัวตนของตัวเองได้
พ่อแม่เข้าใจในตัวเองแล้วหรือยัง?
.
6. รู้วิธีการพัฒนา Growth Mindset
.
เด็กที่ถูกพัฒนา Growth Mindset อย่างดี
จะสามารถพัฒนากรอบความคิด
มีระดับความมั่นคงทางจิตใจ
และมี Self-Esteem สูงกว่าเด็กทั่วไป
.
เมื่อลูกโตขึ้น จะมีความคิดยืดหยุ่น
ไม่ยึดติดกับชุดความรู้เดิมๆ
กล้าเปลี่ยนแนวทางเพื่อแก้ปัญหา
กล้าคิด กล้าลงมือทำ
ไม่โทษ บ่น อ้าง โบ๊ยคนอื่น
.
โลกศตวรรษที่ 21 เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
เด็กต้องเป็น ‘นักเรียนรู้ตลอดชีวิต’
เป็นเจ้าของกระบวนการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
เชื่อว่าทุกอย่างพัฒนาได้
ไม่เก่งก็ฝึกได้ ไม่รู้ก็เรียนรู้ได้
.
เพื่อให้เด็กๆ อยู่รอดในสังคมยุค AI
ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
พ่อแม่ต้องมีทักษะ จึงสามารถฝึกลูกได้
มาพัฒนาตัวเอง เพื่อพร้อมถ่ายทอด
และเข้าใจการเป็น Mentor ให้ลูกไปกับเรา